เนื่องจากในหลายพื้นที่ของจังหวัดบุรีรัมย์ประสบภัยแล้ง น้ำไม่ไหล สาขาฟิสิกส์จึงนำบทความเกี่ยวกับน้ำการอ่านมาตรวัดน้ำประปามาฝากกัน
1. รู้จักหน้าปัดบนมาตรวัดน้ำ
มี 2 แบบ คือ แบบตัวเลข 4 หลัก และแบบตัวเลข 7 หลัก
2. รู้จักกับหน่วยวัดปริมาตรน้ำ
หน่วยบนมาตรวัดน้ำจะมีหน่วยเป็น ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) โดย 1 ลบ.ม. = 1,000 ลิตร
3. วิธีอ่านค่าน้ำ
3.1 แบบตัวเลข 4 หลัก : ตัวเลขหลัก 4 ตัว จะเป็นจำนวนเต็มมีหน่วย ลบ.ม. หรือ คิว ส่วนตัวเลขบนวงกลม 3 วง จะเป็นตัวเลขทศนิยมของ ลบ.ม. มีหน่วยเป็นลิตร (ซึ่งจะเป็นทิศนิยม 3 ตำแหน่ง)
3.2 แบบตัวเลข 7 หลัก : ตัวเลข 4 ตัว สีดำจะเป็นจำนวนเต็มมีหน่วย ลบ.ม. หรือ คิว ส่วนตัวเลข 3 หลัก สีแดง จะเป็นตัวเลขทศนิยมของ ลบ.ม. มีหน่วยเป็นลิตร (ซึ่งจะเป็นทิศนิยม 3 ตำแหน่ง)
4. วิธีคำนวณค่าใช้น้ำในแต่ละเดือน
ให้นำตัวเลขที่อ่านตอนสิ้นเดือนปัจจุบัน (หรือตอนที่เจ้าหน้าที่การประปามาอ่าน) ลบกับเดือนก่อนหน้า จะได้จำนวนหน่วยของน้ำที่ใช้ แล้วนำมาคูณกับอัตราค่าน้ำต่อหน่วย ดังตัวอย่าง
5. การใช้น้ำอย่างถูกวิธี
1) สำรวจท่อรั่วภายในบ้านตรวจก๊อกน้ำและสุขภัณฑ์ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี ไม่มีการรั่วไหล ด้วยวิธีง่าย ๆ
(1) ปิดก๊อกน้ำในบ้านทุกตัว
(2) ดูตัวเลขในมาตรวัดน้ำ
(3) สังเกตความเคลื่อนไหวของตัวเลข
2) การอาบน้ำและการล้างหน้า
(1) อาบน้ำด้วยฝักบัวจะใช้น้ำไม่เกิน 20 ลิตร/ครั้ง/คน โดยขณะถูสบู่ควรปิดก๊อกน้ำด้วย จะประหยัดน้ำได้มากกว่าการใช้ขันตักราด
(2) อาบน้ำในอ่างจะสิ้นเปลืองน้ำ ถึง 110-200 ลิตร
(3) ล้างหน้าด้วยการใช้ภาชนะรองจะใช้น้ำเพียง 9 ลิตร แต่ถ้าเปิดน้ำทิ้งไว้ต่อเนื่องจะใช้น้ำถึง 18 ลิตร
3) การแปรงฟัน ใช้แก้วรองน้ำบ้วนปากและแปรงฟันในแต่ละครั้ง จะใช้น้ำเพียง 1 ลิตร แต่หากปล่อยให้น้ำไหลในขณะแปรงฟันจะสิ้นเปลืองน้ำถึง 9 ลิตรต่อ 1 นาที
4) การโกนหนวด หลังจากโกนหนวดแล้ว ถ้าใช้กระดาษเช็ดออกก่อนจะใช้น้ำเพียง 1-2 ลิตร แต่หากเปิดน้ำทิ้งไว้ต่อเนื่องจะใช้น้ำถึง 8 ลิตรต่อวินาที
5) การล้างภาชนะต่าง ๆ ควรล้างพร้อมกันโดยใช้กระดาษเช็ดคราบสกปรกที่ติดอยู่ตามภาชนะต่างๆ ออกก่อน แล้วจึงนำไปล้างในอ่างน้ำซึ่งจะใช้น้ำประมาณ 50 ลิตร หากเปิดก๊อกน้ำตลอดเวลา จะสิ้นเปลืองน้ำถึง 135 ลิตร ในเวลา 15 นาที 6. การซักผ้า การซักผ้าด้วยเครื่องใช้น้ำเฉลี่ย 100 ลิตรต่อการซัก 1 ครั้ง หากซักในปริมาณที่เท่ากันด้วยมือโดยใช้กะละมังรองน้ำจะใช้น้ำ 50 ลิตรการซักผ้าทั้งการซักด้วยเครื่องและซักด้วยมือควรรวบรวมปริมาณผ้าให้ได้มากพอ
7) การรดน้ำต้นไม้ ใช้กระป๋องฝักบัวรดน้ำจะประหยัดน้ำมากกว่าการใช้สายยางฉีดน้ำ หากเป็นพื้นที่กว้างควรใช้สปริงเกอร์ ทั้งนี้น้ำที่จะนำมารดต้นไม้อาจเป็นน้ำที่เหลือจากการทำกิจกรรมอื่นมาแล้วก็ได้
8) การล้างรถ การรองน้ำใส่ภาชนะ เช่น ถังน้ำแล้วใช้ผ้าหรือเครื่องมือล้างรถ จุ่มน้ำแล้วเช็ดถูทำความสะอาดรถจะใช้น้ำเพียง 30 ลิตร ในกรณีใช้สายยางควรมีอุปกรณ์ช่วยประหยัดฉีดทำความสะอาดโดยตรง มิฉะนั้นจะสิ้นเปลืองน้ำถึง 200-300 ลิตรต่อครั้ง
9) การใช้ปั๊มน้ำ ไม่ควรต่อปั๊มน้ำโดยตรงกับท่อเมนของการประปาเพราะจะทำให้ตัวเลขมิเตอร์น้ำหมุนเร็วกว่าปกติ หากจะใช้ปั๊มน้ำควรต่อออกจากถังพักน้ำ
10) การใช้ส้วมแบบชักโครก การกดชักโครกต่อครั้งจะใช้น้ำถึง 4-22 ลิตร แล้วแต่ชนิดและรุ่นของชักโครก ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ ควรแยกโถปัสสาวะและอุจจาระออกจากกัน เพราะการใช้โถส้วมแบบตักราดจะสิ้นเปลืองน้ำเพียง
2-4 ลิตร
6. การเลือกขนาดถังเก็บน้ำในครัวเรือน
ในการออกแบบอาคารประเภทพักอาศัย โดยคิดให้ปริมาณน้ำประปาเท่ากับ 200 ลิตร/คน/วัน ก็จะเป็นตัวเลขปริมาณที่เพียงพอ
ข้อควรระวังนาการใช้น้ำ
– ก๊อกน้ำที่มีน้ำหยดตลอดเวลา จะสูญเสียน้ำถึง 1,500 ลิตรต่อเดือน – ก๊อกน้ำที่ปิดไม่สนิท มีน้ำไหลเป็นสายตลอดเวลาจะสูญเสียน้ำไม่น้อยกว่า 10,000 ลิตรต่อเดือน
– ชักโครกที่ลูกลอยปิดไม่สนิท มีน้ำไหลลงโถส้วมตลอดเวลา จะสูญเสียน้ำมากกว่า 30,000 ลิตรต่อเดือน
#น้ำเหลือน้อย ใช้สอยอย่างประหยัด
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : Sanwa, กรมประชาสัมพันธ์, ชมรมวิศวกรออกแบบระบบสุขาภิบาล